โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร ?

• โบท็อกซ์ (Botox) คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin Type A) ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) เป็นหัตถการอันดับต้นๆที่นำมาใช้ปรับรูปหน้าเรียว ลดริ้วรอย ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในไทย ถึงแม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ได้คงอยู่ถาวร แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าการฉีดโบท็อกซ์นั้นทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้จริงอย่างชัดเจน และระยะเวลาการเห็นผลค่อนข้างไว จึงทำให้หลายคนหันมาสนใจปรับรูปหน้า เพิ่มความเยาว์วัยด้วยการฉีดโบท็อกซ์กันอย่างมากในตอนนี้

ฉีดโบท็อกซ์ช่วยอะไรได้บ้าง ?

• ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยย่นสันจมูก รอยย่นระหว่างคิ้ว ให้จางลง ผิวหน้าตึง กระชับ ใบหน้ากลับมาดูอ่อนเยาว์โดยการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย
• ช่วยลดริ้วรอยเล็กๆ ใต้ดวงตา ที่เห็นเป็นเส้นเล็กๆ ตื้นๆ เมื่อเวลาเราแสดงสีหน้าหรือยิ้ม ทำให้ใบหน้าดูมีอายุก่อนวัย ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยใต้ตา
• ช่วยลดขนาดปีกจมูก ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ปีกจมูกในผู้ที่มีปัญหาปีกจมูกบาน ปีกจมูกใหญ่
• ช่วยปรับรูปหน้า ให้เรียวเล็กลงในคนที่มีปัญหากรามใหญ่ด้วยการฉีดโบท็อกซ์กราม และยังสามารถช่วยยกระชับกรอบหน้าให้กรอบหน้าชัดขึ้นด้วยโบท็อกซ์ลิฟท์หน้า
• ช่วยกระชับรูขุมขน การฉีดโบท็อกซ์รูขุมขน ช่วยลดรูขุมขนกว้างในคนที่ปัญหาผิวหน้ามันหรือเป็นสิวจากสาเหตุต่อมไขมันผลิตน้ำมันเยอะเกินไป
• ช่วยลดเหงื่อ ที่สร้างปัญหาในเรื่องของกลิ่นตัวด้วยการฉีดโบท็อกซ์รักแร้ รวมถึงยังสามารถใช้ฉีดลดเหงื่อที่บริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้า
• ช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง จากการที่น่องใหญ่จากการใช้กล้ามเนื้อน่องเยอะ เช่น การขึ้นบันได การปั่นจักรยาน
• รักษาโรคต่างๆ เช่น ไมเกรน ออฟฟิศซินโดรม โดยใช้หลักการทำงานของโบท็อกซ์ที่ช่วยยับยั้งไม่ให้กล้ามเนื้อหดตัวได้ชั่วคราว และถือว่ายังเป็นการช่วยลดการใช้ยาแก้ปวดต่างๆ ด้วย

ฉีดโบท็อกซ์ตรงไหนได้บ้าง แต่ละตำแหน่งใช้กี่ยูนิต ?

โบท็อกซ์สามารถนำมาฉีดแก้ไขปัญหาได้บริเวณดังต่อไปนี้ โดยจำนวนยูนิตที่ใช้จะปรับตามปัญหาของคนไข้แต่ละบุคคล โดยต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง

• กราม : ใช้ประมาณข้างละ 25-30 ยูนิต เป็นบริเวณยอดฮิตในการฉีดเพื่อปรับรูปหน้าเรียว จะช่วยให้กล้ามเนื้อกรามเล็กลง
• หน้าผาก :ใช้ประมาณ 15-20 ยูนิต บริเวณหน้าผากจะตึงเป็นธรรมชาติ ริ้วรอยลดลง
• ระหว่างคิ้ว :ใช้ประมาณ 6-15 ยูนิต รอยย่นระหว่างคิ้วตึงขึ้น
• หางตา :ใช้ประมาณ 15-20 ยูนิต ลดริ้วรอย รอยตีนกาบริเวณหางตา
• สันจมูก :ใช้ประมาณ 4-6 ยูนิต รอยย่นตรงจมูกจะตึงขึ้น
• ปีกจมูก :ใช้ประมาณ 15-20 ยูนิต จะทำให้ปีกจมูกขยับได้น้อยลง เวลาแสดงสีหน้าและแกนจมูกคมชัดขึ้น
• ลิฟกรอบหน้า :ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต กระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้า
• ลิฟเหนียง :ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต กระชับผิวบริเวณเหนียง ให้เต่งตึงมากขึ้น
• ลิฟคอ :ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต กระชับผิวหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ รอยเหี่ยวย่นตึงขึ้น
• กระชับรูขุมขน :ใช้ประมาณ 25-30 ยูนิต รูขุมขนบนใบหน้ากระชับขึ้น ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
• รักแร้ :ใช้ประมาณ 80-100 ยูนิต จะทำให้เหงื่อบริเวณรักแร้ออกน้อยลง กลิ่นตัวลดลง ผิวหนังไก่รักแร้กระชับขึ้น
• น่อง :ใช้ประมาณ 100-200 ยูนิต จะทำให้กล้ามเนื้อน่องเล็กลง ขาเรียวเล็กได้รูป

ข้อปฏิบัติตัวที่ควรรู้ก่อนและหลังฉีดโบท็อกซ์

• สำหรับใครที่กำลังจะฉีดโบท็อกควรศึกษาข้อปฏิบัติตัว ก่อน-หลังฉีดให้ดีก่อนครับ เพื่อที่จะให้ผลลัพธ์ของการฉีดออกมาดีและคุ้มค่าที่สุด

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์มีอะไรบ้าง ?

1.งดวิตามินที่ทำให้เลือดหลุดไหลได้ยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา สารสกัดจากโสม ใบแปะก๊วย

2. ตรวจสอบให้มั่นใจว่าตัวยาที่ฉีดเข้าไปนั้น ได้รับมาตรฐานทางสาธารณะสุขที่เชื่อถือได้
3. ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและหมอที่มีประสบการณ์
4. ไม่ควรฉีดโบท็อกเกิน 300 ยูนิต ต่อครั้ง
5. ระหว่างการฉีดควรประคบด้วยความเย็น เพื่อลดการไหลเวียนของเส้นเลือดรอบ ๆ

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดโบท็อกซ์มีอะไรบ้าง ?

1. หลังฉีดโบท็อกควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
2. งดนอนราบ 3 ชม.
3. หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง
4. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู หรืออาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ
5. หากมีคอร์สทำหน้า นวดหน้า ควรงด 2 สัปดาห์หลังทำ

ตำแหน่งการฉีดโบท็อกซ์ที่นิยมมากที่สุด

การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) สามารถทำได้หลายตำแหน่ง แต่ตำแหน่งที่นิยมทำกันมากที่สุดมีด้วยกันทั้งหมด 6 ตำแหน่งดังนี้
1. กราม : ช่วยลดกราม ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กมากขึ้น
2. รอยตีนกา : ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหางตา
3. รอยย่นหน้าผาก : ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นตามแนว ซึ่งเป็นจุดที่เด่นชัดที่สุดบนใบหน้า
4. รอยย่นระหว่างคิ้ว : ช่วยลดรอยพับระหว่างหัวคิ้ว
5. ริ้วรอยใต้ตา : ช่วยลดเส้นริ้วรอยบริเวณใต้ตา
6. ผิวหน้าหย่อนคล้อย : ทำให้ผิวหน้าที่หย่อนคล้อย แลดูยกกระชับมากยิ่งขึ้น

ตำแหน่งไหนบ้างที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ ?

บริเวณที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆได้ โดยบริเวณที่ไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ มีดังนี้

• เหนือคิ้ว : อาจทำให้คิ้วตกได้
• เปลือกตา : อาจทำให้หนังตาตก หลับตาได้ไม่สนิทได้
• บริเวณใต้ตา :ในเคสที่มีถุงใต้ตาจะทำให้ถุงใต้ตาดูหย่อนชัดเจนมากยิ่งขึ้น
• โหนกแก้ม หน้าแก้ม : ถ้าฉีดลึกไปอาจจะทำให้ยิ้มเบี้ยวได้
• ร่องแก้ม : ทำให้เวลาแสดงสีหน้าจะดูไม่เป็นธรรมชาติ
• ร่องมุมปาก : ถ้าฉีดผิดตำแหน่งจะทำให้มุมปากตกได้

โบท็อกซ์ยี่ห้อ Allergan

Botox Allergan เป็นโบท็อกซ์อเมริกาที่ให้ผลการรักษาที่แม่นยำที่สุด ยากระจายตัวแคบที่สุด หมอจะสามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ได้แม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุด

มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5 % ทำให้มีโอกาสเกิดการดื้อยาโบท็อกซ์ได้น้อย

จึงนิยมนำมาใช้ในการลดริ้วรอยต่างๆ เช่นรอยย่นหน้าผาก รอยขมวดคิ้วริ้วรอยตีนกา

ปรับรูปห้าให้เรียว สามารถอยู่ได้นาน 6 – 8 เดือนหลังฉีด

โบท็อกซ์ยี่ห้อ Nabota

Nabota Botox เป็นโบท็อกซ์เกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัย

รับรองจาก อย.อเมริกา U.S.FDA approved (2018)

มีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% ช่วยปรับรูปหน้าเรียว ลดกราม ลดริ้วรอย ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์

อย่างเป็นธรรมชาติ จุดเด่นอยู่ที่เน้นการพัฒนาให้ออกฤทธิ์ไว  สำหรับตัวนี้เห็นผลได้ค่อนข้างไว

ถ้าเทียบกับโบท็อกซ์เกาหลีตัวอื่นๆ เหมาะกับคนที่ต้องการผลโบท็อกซ์แบบเร่งด่วน

 สามารถอยู่ได้นาน 4 – 6 เดือนหลังฉีด

โบท็อกซ์ยี่ห้อ Aestox

Aestox Botox เป็นโบท็อกซ์เกาหลีที่เพิ่งเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย ผ่านการรับรองจากอย. ไทย

มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5 % ทำให้มีโอกาสเกิดการดื้อยาโบท็อกซ์ได้น้อย อยู่ได้นานเห็นผลลัพธ์ไว

และแม่นยำ จึงนิยมนำมาใช้ในการลดริ้วรอยต่างๆ

ลดกรามปรับรูปหน้าเรียว สามารถอยู่ได้นาน 4 – 6 เดือนหลังฉีด